top of page

ความสุข กับความสำเร็จ อะไรมาก่อนกัน?

คุณมีความคิดแบบนี้แค่ไหน?

ถ้าทำงานหนัก ก็จะประสบความสำเร็จ

ถ้าประสบความสําเร็จ ก็จะมีความสุข


กิ๊บเคยเป็นคนๆ หนึ่งที่คิดแบบนั้น ก็เลยทำงานหนักมาตั้งแต่อายุ 17 ทำทุกอย่างที่เป็นเงิน และเป็นอาชีพสุจริต และไม่ขายตัว

ถ้าคุณเห็นมือกิ๊บ คุณจะรู้ว่ามันเป็นมือคนทำงาน มันแข็ง มันกร้าน เต็มไปด้วยเส้นเอ็นเส้นเลือด และความหยาบแห้ง


กิ๊บทำงานไปเรียนไป

เรียนจุฬาฯ นี่แหละ โดยในรถมีเสื้อแขวนไว้ 2 ตัว เสื้อนิสิต กับ เสื้อทำงาน... มีเรียนก็เปลี่ยนใส่เสื้อนิสิต แล้ววิ่งไปเรียน เรียนเสร็จ ก็วิ่งกลับเข้าออฟฟิศ... ลงเรียนให้น้อยที่สุด เพื่อหาเงิน หาประสบการณ์


ตอนนั้นคิดว่า ถ้าเรียนจบแล้วได้เงินเดือนสัก 25,000

ก็คงจะดีมาก น่าจะอยู่ได้อย่างมีความสุข


พอเรียนจบ ก็ได้เงินเดือนประมาณนั้น

แต่กลับรู้สึกว่าไม่พอ

ก็เลยเดินทางไปทำงานต่างประเทศคนเดียวตั้งแต่อายุ 23 ไปทำงาน

ได้เงินเดือน 60,000 บาท ไม่ต้องจ่ายห่าอะไรเองเลยสักบาท

ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ทำควบ 2 ตำแหน่ง ทำงานวันละ 21 ชม แดกข้าวหน้าคอมฯ ทุกมื้อ...


ถามว่ามีความสุขไหม ได้เงินเยอะมาก...

ตอบ: ไม่รู้... รู้แต่ว่าเหนื่อยมาก และต้องอดทน


ทำได้ครึ่งปีก็ตายห่ากลับบ้าน

โทรมเหมือนหมา

แล้วมาทำงานบริษัทคนไทยเงินเดือน 3 หมื่นกว่า

ทนทำแบบคนหมดอนาคตได้ 2 ปี ก็ออกไปเปิดบริษัทของตัวเองตอนอายุ 25 ในอินโดนีเซีย...

หาเงินได้เยอะมาก ซื้อบ้าน ซื้อรถ มีแม่บ้าน มีคนขับรถ มีหมาแมวที่รัก มีผัวฝรั่ง มีทุกอย่างที่เป็นความสุขสบายและตามนิยามความสุขของคน ที่คนเขาบอกไว้...


แต่ใจกิ๊บ... กลับไม่รู้สึกสุขเลย

ทุกข์ซะมากกว่า

ทุกข์สัดๆ ก็ว่าได้


แต่ก็ไม่หยุด... ไม่เปลี่ยน

ไม่เลิกยึดติดกับทุกอย่างที่มี

ยังบ้างาน แดกอาหารขยะ ทานน้ำน้อย ดื่มแต่กาแฟ และกระทิงแดงใส่น้ำอัดลม


เป็นคนบ้า ตามล่าความสำเร็จอะไรสักอย่าง

ความสำเร็จที่เปลี่ยนเป้าไปทุกปี เพราะคำว่า “เท่านี้ก็ดี” ไม่เคยมีในหัว

รู้แต่ว่าเป็นคนมีเป้า และเป้าก็ชัด

มันก็ต้องลุยกันสักตั้งเพื่อให้ได้มา


ผลาญความสาวของตัวเอง ด้วยความอึด

ทิ้งความสบายใจของตัวเอง ด้วยความสุขของผัว

แล้วเป็นคนบ้าพลัง โหมงาน ต่อไปอีก 10 ปี


จนจักรวาล ก็ลงมือดัดสันดาน

จัดเรียง ยาแก้บ้ามาให้


กิ๊บป่วยหนัก ภูมิต้านทานเริ่มทำร้ายตัวเอง

ไม่มีประจำเดือน

ทำงานไม่ได้ ต้องปิดกิจการที่สร้างมา 10 ปี

กลับมารักษาตัวในไทย

ผัวก็ไม่เอากิ๊บ ไม่สนใจมาดูแล


รักษาตัวได้ 6 เดือนก็ดีขึ้นบ้าง

ดีพอที่จะกลับไปยุติความสัมพันธ์ที่บั่นทอนมายาวนาน

แลกใบหย่า มาด้วยทรัพย์สินทั้งหมด และเงินที่หามาทั้งชีวิต


ไงละ... เหลืออะไร?

ตอบ: เหลือชีวิต กับร่างพังๆ ที่ไร้ญาติ ไร้เพื่อน ซมซานกลับไทย บ้านก็ไม่มีจะอยู่

ได้ห้องสตูดิโอเล็กๆ ที่มีแค่เตียงกับตู้เช่าไว้เป็นที่อยู่อาศัย


แต่ในวันที่ไม่เหลืออะไรแบบนั้นนั่นแหละ ที่กิ๊บได้พบกับความสุข

สุขแบบเท่าที่มี เท่าที่สัมผัสได้ในใจ...

สุขที่ได้ตื่นนอนมาเก็บที่นอนเอง

ได้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า ได้มองคน

ได้หาอาหารดีๆ มาให้ตัวเองทาน

ได้มีชีวิตที่ไม่ต้องกังวล หรือไขว่คว้า

แต่กลับแบ่งปันมากกว่า


ความสุขในวันนั้น ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

จนอยู่ดีๆ วันนี้ก็มีทุกอย่างที่คนเรียกว่า “ความสำเร็จ” ขึ้นมาใหม่ แต่เป็นความสำเร็จที่ตัวเองไม่ได้ต้องการหรือตั้งเป้าไว้


ตอนนี้เราก็คนธรรมดา คนหนึ่ง

ที่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร? เพื่อให้ดีกับใครบ้าง? ด้วยความสุขที่มีอยู่แล้วในหัวใจ


จึงเข้าใจว่า ที่ผ่านมา

การขับเคลื่อนชีวิตด้วย Masculine Energy ทำให้เราต้องการไล่ล่าความสำเร็จ ผ่านการทำงานหนักนั้น ไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งความสุข แต่เพื่อในที่สุดจะได้ทั้งทุกข์และการสูญเสียทุกอย่างไป





4 ปีมานี้ ขับเคลื่อนชีวิตด้วย Feminine Energy ผ่านการวางใจให้เป็นสุข แล้วใช้ชีวิตอย่างมีสติ ตระหนักรู้ ทำในสิ่งที่มีความหมาย

ความสำเร็จที่ได้ กลับเป็นเรื่องที่เกินคาด


ทุกวันนี้ก็อยู่อย่างคนพร้อมตาย

เพราะเท่าที่ได้รู้สึกตอนนี้

เท่าที่ได้ทำมาจนถึงวันนี้

มันก็กำลังพอดี และดีพอ


“เท่านี้ก็ดี”

ในที่สุดก็โอบอุ้มคำนี้ไว้อยู่คู่ใจ

ดู 919 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page